การจัดกิจกรรมแนะแนว
เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียนและอาชีพ สามารถปรับตน ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองในการมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน
สถานศึกษาต้องบริหารจัดการให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่และมีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้เรียน ให้บรรลุตามจุดหมายของหลักสูตร และมาตรฐานการแนะแนวด้านผู้เรียน โดยจัดเวลาให้เป็นไปตามสัดส่วนของการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น รวมทั้งจัดบริการและกิจกรรมนอกห้องเรียนให้ครอบคลุมทั้ง 5 งาน และมีกิจกรรมอย่างน้อย 9 กิจกรรม ตามแนวการจัดกิจกรรมแนะแนว ดังนี้
การจัดกิจกรรมแนะแนว มีภาระงาน 2 ลักษณะคือ
1. การจัดบริการแนะแนว
2. การจัดกิจกรรมในและนอกห้องเรียน
มาตรฐานกิจกรรมแนะแนว
มาตรฐานที่ 1 รู้จัก เข้าใจ และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น หมายถึง มีความสามารถในการรู้จัก และ เข้าใจ ตนเอง ทั้งในด้านความถนัด ความสนใจ ความสามารถ จุดเด่น จุดด้อย นิสัย อารมณ์ ความภูมิใจ และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น
มาตรฐานที่ 2 มีความสามารถในการแสวงหาและใช้ข้อมูลสารสนเทศ หมายถึง มีทักษะ และวิธีการในการแสวงหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ รวบรวม และจัดระเบียบข้อมูล สามารถจัดระบบกลั่นกรอง เลือกใช้ข้อมูลอย่างฉลาด เหมาะสม และเห็นคุณค่าในการใช้ข้อมูลสารสนเทศ
มาตรฐานที่ 3 มีความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม หมายถึง สามารถกำหนดเป้าหมาย วางแผน วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินผล ตลอดจนปรับปรุงแผนการดำเนินงานโดยใช้ข้อมูล คุณธรรม และจริยธรรมเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ
มาตรฐานที่ 4 มีความสามารถในการปรับตัวและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข หมายถึง การเข้าใจ ยอมรับตนเองและผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ แสดงออกอย่างเหมาะสม มีมนุษยสัมพันธ์ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขแนวทางการจัดกิจกรรม
- ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ธรรมชาติของผู้เรียน
- วิเคราะห์สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
- กำหนดสัดส่วนของกิจกรรมแนะแนวให้ครอบคลุมด้านการศึกษา ด้านอาชีพด้านส่วนตัวและสังคม โดยยึดสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของผู้เรียนและเป้าหมายของสถานศึกษา โดยครู ผู้ปกครอง และผู้เรียนมีส่วนร่วม
- กำหนดวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมแนะแนวของสถานศึกษา เป็นระดับการศึกษาและชั้นปี
- ออกแบบการจัดกิจกรรมแนะแนว ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ การจัดกิจกรรมเวลาจัดกิจกรรม หลักฐานการทำกิจกรรม และการประเมินผล
- จัดทำแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวรายชั่วโมง ประกอบด้วย ชื่อกิจกรรม จุดประสงค์เวลา เนื้อหา/สาระ วิธีดำเนินกิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ และการประเมินผล
- จัดกิจกรรมแนะแนวตามแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวและประเมินผลการจัดกิจกรรม
- ประเมินเพื่อตัดสินผล และสรุปรายงาน
- การจัดอบรมผู้บริหาร ให้มีความรู้ความเข้าใจในลักษณะ และกระบวนการแนะแนว รู้กลวิธีในการบรหารงาน เพราะงานแนะแนวจะพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ถ้าได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากผู้บริหาร
- การตั้งคณะกรรมการแนะแนว โดยมีผู้บริหารโรงเรียน หรือผู้ช่วยผู้บริหารเป็นประธานและครูแนะแนวเป็นเลขานุการ ร่วมกันจัดบริการแนะแนวโดยอาจจะรับผิดชอบงานแนะแนวแต่ละด้าน เช่น การให้บริการรวบรวมข้อมูล บริการสนเทศ การจัดวางตัวบุคคล เป็นต้น
- การจัดสิ่งอำนวนความสะดวก ผู้บริหารจะต้องจัดสิ่งอำนวนความสะดวกให้กับครูแนะแนวคือ ห้องแนะแนว งบประมาณที่จะไว้จัดหาสิ่งจำเป็นต่างๆ เช่น สื่อ อุปกรณ์ คู่มือต่างๆ ฯลฯ
- การจัดศูนย์สนเทศ โรงเรียนควรจัดเอกสาร และป้ายประกาศสำหรับติดต่อข้อมูลทุกด้านไว้ในศูนย์สนเทศ เพื่อให้นักเรียนไปอ่านด้วยตนเอง และนำไปใช้ประโยชน์
- การจัดทำแผนงานแนะแนวตลอดปี โดยจัดประชุมและจัดตั้งกรรมการทำงานทำปฏิทินปฏิบัติงานแนะแนว ติดตามผล
กิจกรรมแนะแนวอาชีพที่ควรให้มีในสถานศึกษา โดยทั่วๆไปสามารถนำไปปฏิบัติได้ มีดังนี้คือ
- ชี้แจงให้เห็นคุณค่าของวิชาที่เรียน รวมทั้งชี้แจงให้เห็นว่าวิชาต่างๆเหล่านั้นทั้งวิชาบังคับและวิชาเลือกมีความสัมพันธ์กับอาชีพต่างๆอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อให้เด็กเรียนวิชาต่างๆ อย่างมีความหมาย เมื่อคิดว่าวิชาเหล่านั้นมีประโยชย์อย่างไรในการประกอบอาชีพในอนาคต
- จัดอภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับอาชีพต่างๆ ภายในห้องเรียนหรือในชั่วโมงโฮมรูมโดยพยายามเลือสรรอาชีพต่างๆ ที่เห็นว่ามีส่วนสัมพันธ์กับวิชาเรียน หรือหัวข้อที่ดึงดูดความสนใจเด็ก เช่น อิทธิพลของสิ่งประดิษฐ์ต่อชีวิตของเรา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โลกของงานในชุมชน การเตรียมตัวเลือกอาชีพ เป็นต้น
- ใช้แบบสำรวจตรวจสอบความสนใจ และความถนัดในอาชีพต่างๆ โดยอาจเลือกอาชีพที่สำคัญๆให้เด็กเลือกตอบ หรืออาจใช้แบบตรวจสอบความสนใจในอาชีพ หรือแบบทดสอบความถนัดของการวิจัยทางการศึกษา กรมวิชาการ หรือของการจัดหางาน กรมแรงงานก็ได้ เมื่อทราบความสนใจดังกล่าวแล้วอาจแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มย่อยๆตามความสนใจแล้วติดต่อเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีประสบการณ์มาบรรยายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฟัง
- ส่งเสริมให้มีการจัดชุมนุมอาชีพต่างๆ ความสนใจและความถนัด เช่น ชุมนุมศิลปศึกษา ชุมนุมเกษตรกร ชุมนุมคหกรรม ชุมนุมธุรกิจ ชุมนุมถ่ายรูป ชุมนุมดนตรี ชุมนุมศิลปการละคร เป็นต้น
- แทรกบทความเกี่ยวกับอาชีพในหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน เช่น อาจจะเป็นบทความเกี่ยวกับชีวประวัติของผู้ที่มีประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ บทความเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในการงาน เป็นต้น
- จัดนิทรรศการอาชีพต่างๆในห้องสมุด อาจจัดเป็นมุมอาชีพตามที่เด็กสนใจอาจมีภาพแผนผัง โปสเตอร์ประกอบ โดยอาศัยความร่วมมือจากบรรณารักษ์ และนักเรียนที่มีความสนใจในอาชีพนั้นๆ
- จัดฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง ฟิล์มสตริป หรือวีดีโอเทปเกี่ยวกับอาชีพให้นักเรียนได้มีโอกาสชมเป็นครั้งคราว โดยการติดต่อกับหน่วยงานต่างๆที่มีสิ่งเหล่านี้ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กรมแรงแงน สำนักข่าวสารของประเทศต่างๆเป็นต้น
- จัดทัศนศึกษา พานักเรียนไปชมโรงงานอุตสหกรรม ร้านสรรพสินค้าใหญ่หรือโรงแรมใหญ่ๆในการจัดทัศนศึกษานอกสถานที่ดังกล่าวนี้ควรมีการวางแผนล่วงหน้า เช่น ให้นักเรียนเตรียมตั้งคำถามไว้ล่วงหน้า หรือเชิญวิทยากรมาบรรยายให้ฟังก่อน และเมื่อกลับมาจากทัศนศึกษาแล้วก็ควรให้นักเรียนทำรายงาน หรือวิพากษ์ วิจารณ์ ตามความคิดเห็นของตน
- ระบบครูประจำชั้น ครูประจำชั้นต้องเป็นผู้ใกล้ชิดนักเรียนมากที่สุด แต่เนื่องจากครูประจำชั้นต้องสอนเป็นรายวิชา เช่นเดียวกับครูคนอื่นๆ และจำนวนนักเรียนก็มาถึง 30 -50 คน จึงทำไม่ได้ ปัจจุบันมีหลายโรงเรียนที่ต้องจัดให้มีครูประจำชั้น 2 คน ช่วยกันทำงาน
- ระบบครูที่ปรึกษา โรงเรียนจะตั้งครูที่ปรึกษาขึ้นมาเพื่อแก้ไขการที่ครูประจำชั้นไม่ได้ใกล้ชิดนักเรียน โดยจัดให้ครูที่ปรึกษารับผิดชอบนักเรียนเพียง 20-25 คน กำหนดหน้าที่ดูแลเอาใจใส่นักเรียนแต่ละคนเหล่านั้นทุกด้าน จึงเป็นการทำงานครูที่ดีขึ้นคือ สามารถช่วยทั้งการแก้ไขปัญหาของเด็ก และช่วยป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
- ระบบครูโฮมรูม ครูโฮมรูมทำหน้าที่คล้ายกับครูประจำชั้นและครูที่ปรึกษา คือดูแลนักเรียนในความรับผิดชอบของตนอย่างใกล้ชิด จัดกิจกรรมร่วมกับนักเรียนเพื่อพัฒนานักเรียนทุกด้าน ให้ข้อมูลที่นักเรียนต้องการทราบ และเป็นที่ปรึกษาของนักเรียน